รักไม่สดใสของข้าวปุ้น
เธอยอมปิดหูปิดตาข้างเดียวเพราะอยากให้รักยังอยู่ในโลกของความจริง รักษาแผลใจที่เจ็บปวดกับคนไม่มีตัวตนในโลกของตัวหนังสือ
ผู้เข้าชมรวม
229
ผู้เข้าชมเดือนนี้
31
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกลางที่มีห้องสำหรับหลับนอนและแบ่งโซนสัดส่วนห้องน้ำห้องครัวไว้เป็นอย่างดี ร่างบางกำลังนั่งไล่สายตาไปตามนิ้วเรียวขณะเลื่อนดูข้อมูลอะไรบางอย่างในหน้าจอเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ที่นับว่าทันสมัยมากในยุคนี้
เธอสูดลมหายใจลึกค่อย ๆ พ่นมันออกมาเพื่อควบคุมความโกรธไม่ให้พุ่งปี๊ดสูงไปมากกว่านี้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหมุนคว้างสับสนอึงอนไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อ แต่มันเป็นครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอรับรู้เรื่องราวบาดใจเช่นนี้
ก็เพราะเป็นครั้งแล้วครั้งเล่านั่นล่ะจึงทำให้เธอชินชากับข่าวสารที่ได้รับรู้ อีกทั้งได้ดูหลักฐานที่อยู่ในมือขณะนี้ด้วย จึงทำให้มั่นใจว่าข่าวลือมันไม่ใช่ข่าวลือแต่มันคือเรื่องจริง
ข้าวปุ้นหญิงสาวผู้มีนัยน์ตาเศร้าเป็นนิจแม้ปากจะยิ้ม อีกทั้งยังเข้าสังคมยาก เงียบ พูดน้อย ไม่ค่อยสุงสิงกับใครถ้าไม่สนิทจริง ๆ แต่ทว่าบุคลิกภาพของเธอเป็นเช่นนี้ก็ไม่เป็นปัญหาในการเข้าสังคมของเธอเลยสักนิด
ข้อดีของข้าวปุ้นคือเป็นคนมีความอดทนสูง เงียบไม่ชอบตอบโต้ใคร ถ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่โอเคกับสภาพแวดล้อมนั้นเธอก็พร้อมที่จะเดินออกมาเอง จะไม่มีปัญหากับใครอย่างเด็ดขาดถ้าไม่ถึงที่สุด แต่มีสิ่งหนึ่งที่หญิงสาวยอมอดทนแล้วอดทนเล่านั่นก็คือ ‘ความรัก’
ข้าวปุ้นนั่งมองรูปของอาเนชผู้สามีของตัวเองพัวพันอยู่กับผู้หญิงคนอื่นในโซเชียล นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาเนชทำกับเธออย่างนี้ราวกับไม่แคร์ความรู้ แต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วข้าวปุ้นเองก็นับไม่ได้
แม้จะไม่รุนแรงสาหัสเหมือนครั้งนั้นก็ตาม แต่มันก็เรียกความหน่วงในหัวใจของหญิงสาวและหยาดน้ำตาให้ร่วงหล่นลงมาได้
มือบางรีบยกขึ้นมาเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้ม “หลับหูหลับตาเถอะข้าวปุ้นถ้าอยากให้รักยังอยู่ เขาบอกว่าแกมาที่หนึ่งหนิ แค่นี้อย่าถือสาเลย” หญิงสาวบอกกับตัวเอง
แม้อาเนชจะทำอย่างที่ว่าก็ตามแต่ก็อดปวดหนึบที่หัวใจไม่ได้ ตลอดระยะเวลาที่คบกันตกลงเป็นแฟนกันและแต่งงานกันอาเนชก็ปฏิบัติกับเธออย่างดี เสมอต้นเสมอปลาย เธอมาก่อนทุกอย่าง เสียอย่างเดียวก็เรื่องความเจ้าชู้ของเขาที่แก้ไม่หาย ข้าวปุ้นจึงพยายามหลับหูหลับตาปิดหูปิดตาข้างหนึ่งเอาไว้เสมอมา
หญิงสาวหวนนึกถึงคราวที่ตัดสินใจแยกทางกับสามี ครั้งนั้นเพราะความเจ้าชู้ของอาเนชเป็นเหตุ มีผู้หญิงคนหนึ่งหอบลูกในท้องมาบอกว่าท้องกับเขา ทำให้ข้าวปุ้นเสียหลักไปมาก ทำใจยอมรับไม่ได้แต่ก็ยอมแยกทางโดยการถอนหมั้นไปทั้งที่อาเนชไม่ยอม ไม่อยากถอนหมั้น เขาพร่ำบอกว่ารักเธอและมั่นใจว่าลูกในท้องของเธอคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขา แม้จะมีอะไรกันก็ตามแต่ทว่าชายหนุ่มก็ป้องกันทุกครั้ง
คำอธิบายของสามีอีกทั้งเหตุผลแต่ละอย่างมันช่างแทงใจของเธอเสียเหลือเกิน ทำไมเขาถึงไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ทำไมเขาถึงนอกกายนอกใจเธอ แค่ป้องกันก็จบอย่างนั้นหรือ
ข้าวปุ้นเสียใจมากสุดท้ายหญิงสาวขอถอนหมั้น และสุดท้ายอาเนชก็ยอมถอนหมั้นไปแต่โดยดี แต่พอเธอคนนั้นคลอดลูกกลับไม่ใช่ลูกสาวของอาเนช ชายหนุ่มรีบถือหลักฐานการตรวจดีเอ็นเอเด็กมาให้กับเธอด้วยท่าทางของคนดีใจ ขอคืนดีขอกลับมารักกันอีกครั้ง
ครั้งนั้นอาเนชไม่ยอมแพ้พยายามที่จะง้อขอคืนดีกับเธอให้ได้ สุดท้ายด้วยความดีและความเอาใจใส่ของเขาทำให้ข้าวปุ้นใจอ่อนยอมกลับมารักกันอีก แม้เพื่อน ๆ และคนรอบข้างแม้แต่ครอบครัวของเธอจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าโง่แค่ไหนก็ตาม หญิงสาวก็ไม่เก็บมาใส่ใจเพราะใช้หัวใจของตัวเองนำทาง
ข้าวปุ้นนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็หัวเราะเยาะตัวเองทุกครั้ง ที่สุดท้ายหมามันเคยกินขี้มันก็ยังกินอยู่อย่างนั้น แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าอาเนชจะเบาลง เพราะความเจ้าชู้ของเขาเบาลงกว่าเมื่อก่อนมากอีกทั้งการดูแลเอาใจใส่เธอมากกว่าเดิมจึงทำให้เธอหลับหูหลับตาข้างหนึ่งนั่นเอง
“หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้วนะปุ้น ให้อาเนชเขาปลดปล่อยบ้างเถอะ บางทีเขาอาจจะเซ็ง ๆ แกเนอะ ยังไงแกก็เมียเขาน่า” หญิงสาวพยายามบอกกับตัวเองก่อนจะกดออกจากหน้าจอแล้วหาหนังสือมาอ่านแก้เครียดและฟุ้งซ่าน
“ปุ้น...ทำอะไร” เสียงทุ้มละมุนหูดังมาจากทางด้านหลังไม่ใช่เสียงของใครแต่เป็นเสียงของอาเนชเขาเลิกงานแล้ว แม้เห็นว่าภรรยากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็ตามเพียงอยากถามไปอย่างนั้น
ข้าวปุ้นหันไปมองตามเสียงนั้นด้วยรอยยิ้มหวาน “อ่านหนังสือนิยายน่ะ ทำไมวันนี้อาเนชกลับเร็วจัง งานไม่ยุ่งเหรอ” ความเคือบแคงในใจกับเรื่องที่ได้รับรู้หายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อเจอรอยยิ้มอีกทั้งแววตาที่จริงใจของเขามองมา ที่มองอย่างไรก็ยังเห็นความรักท่วมท้นแม้จะมีหลายคนอยู่ในนั้น
“ลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้วันอะไร วันสำคัญของเรานะครับ” ชายหนุ่มพูด ทำหน้ามุ่ยนิดหน่อยที่ภรรยาจำวันสำคัญของชีวิตคู่ไม่ได้ “เนชก็เลยรีบกลับไง มีนัดกับเมียเย็นนี้”
ข้าวปุ้นเบ้หน้าอย่างล้อเลียน เมียคนในเหรอหญิงสาวนึกและอยากพูดออกมานัก “ก็จำได้ แต่ไม่คิดว่าเนชจะกลับเร็วขนาดนี้ไง นึกว่าจะทำโอทีต่อค่ำ ๆ ค่อยกลับอะไรงี้”
“ไม่หรอก เดี๋ยวโดนเงินทับตายไม่ได้มีความสุขในการใช้ชีวิต” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มกว้างไม่รู้ตัวเลยว่าภรรยารู้ความลับอะไรของตัวเองมา จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ ตัวของเธอแล้วดึงเข้ามากอดไว้ “วันนี้ครบรอบสิบสี่ปีของเราที่รักกันนะที่รัก จะให้อาเนชมองงานสำคัญกว่าเมียได้ยังไง”
“จะว่าไปเราก็คบกันรักกันนานเหมือนกันนะ ตั้งแต่ ม.2 จนตอนนี้...สิบสี่ปีได้แหนะ ไม่คิดว่าจะอยู่ถึง”
อาเนชมองค้อนภรรยา “ปุ้นจะทิ้งเนชไปไหน ขอบคุณนะที่รักในตัวเนช ปุ้นไปแต่งตัวเถอะเราจะไปทานข้าวข้างนอกกัน เนชเลี้ยงเองค้าบ” ชายหนุ่มทำเสียงและใบหน้าทะเล้นก่อนจะจูบริมฝีปากอวบของข้าวปุ้นแล้วปล่อยตัวเธอไปแต่งตัวเพื่อเตรียมออกไปข้างนอกกันเนื่องในวันครบรอบวันแรกที่คบกันของพวกเขาสองคน
….
ณ ร้านชาบูภายในห้างสรรพสินค้าใกล้ที่พัก ข้าวปุ้นและอาเนชกำลังนั่งอยู่มุมหนึ่งของร้านซึ่งเป็นมุมที่เงียบไม่ค่อยมีลูกค้าพลุกพล่าน ทั้งคู่กำลังเพลินไปกับการกินชาบูเนื่องในวันสำคัญของชีวิตคู่เวียนมาถึงทั้งทีทั้งสองจึงมาฉลองกันแบบเล็ก ๆ กันสองคนในร้านธรรมดา ๆ
“ปุ้นอยากได้อะไรไหมเนชซื้อให้” ชายหนุ่มถามพร้อมตักหมูสามชั้นที่ลวกสุกแล้วใส่จานให้กับข้าวปุ้นก่อนจะตักให้ตัวเองเหมือนกัน
“จริงอ่ะ พูดจริงปะเนี่ย” มีหรือคนอย่างข้าวปุ้นจะปฏิเสธสามีออกปากขนาดนี้ “อือ...เอาไรดีน้า”
“จริงดิ ซื้อให้เมียจะเสียดายทำไม” อาเนชตอบแบบไม่สะทกสะท้าน และมือก็วางช้อนที่กำลังจะตักชาบูเข้าปากไว้ในจานเช่นเดิมแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู โดยมีสายตาของข้าวปุ้นมองอยู่ ก่อนที่เขาจะละสายตาจากหน้าจอแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามข้าวปุ้น “พี่ที่ทำงานน่ะ พี่ต่อเขาไลน์มาชวนเนชไปดื่ม เนชบอกไม่ไปเพราะวันนี้พาปุ้นมาเลี้ยงชาบู” เพราะเข้าใจสายตานั้นที่มองมาของภรรยาดี จึงบอกกับเธอในสิ่งที่ทำตอนนี้
“อ่อ ตามสบาย” หญิงสาวตอบเพียงเท่านี้ก็เลิกมองเลิกสนใจสามีหันมาให้ความสนใจชาบูในหม้อประหนึ่งว่ามันอร่อยมากมาย ส่วนอาเนชก็ให้ความสนใจกับโทรศัพท์แทนชาบูไปแล้วเหมือนกัน
หญิงสาวก็อดที่จะเหลือบมองเป็นระยะ ๆ ไม่ได้ อีกทั้งเกิดความสงสัยว่าพี่ที่ทำงานจริงเหรอหรือใครทักไลน์มาถึงได้ให้ความสนใจมากขนาดนั้น นี่มันวันครบรอบแต่งงานของเธอกับเขาไม่ใช่หรือ ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ
“ว่าไง จะเอาอะไรเป็นของขวัญวันครบรอบคบกันของเราไหมเนชซื้อให้” ชายหนุ่มวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วเงยหน้าถามคนเป็นภรรยา เขารู้ว่าข้าวปุ้นกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้และกำลังสงสัยระแวงในตัวของเขาจึงคิดหาทางกลบเกลื่อน จะว่ากลบเกลื่อนซะทีเดียวก็ไม่ใช่ เพราะเขาอยากซื้อของขวัญให้กับเธอจริง ๆ ตอบแทนที่เธอไม่ทิ้งกันไปไหน
“ไม่อ่ะ เนชเก็บเงินไว้เถอะ”
“ข้าวปุ้น...ตัวเองอ่ะ งอนเนชเหรอเนชคุยกับพี่ต่อจริง ๆ ปุ้นเอาโทรศัพท์เค้าไปเช็กก็ได้อ่ะ” พูดพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับภรรยา
“โธ่พ่อคู๊ณ!!!ทำทรงดีเนอะ ลบแช็ตไปแล้วก็บอกเหอะถึงยื่นให้น่ะ ข้าวปุ้นไม่ได้โง่นะคะจำไว้ ไม่ได้โง่” พูดประโยคท้ายนัยน์ตากลมโตแข็งกร้าวขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้นเธอก็หัวเราะตลกการกระทำของอาเนช “งั้นอาเนชซื้อนาฬิกาให้ปุ้นนะ อยากเปลี่ยนอยู่พอดี เจอราคาแล้วห้ามคืนคำด้วย”
“คงไม่ถึงกับเรือนละหมื่นหรอกมั้งใช่ไหม” อาเนชเริ่มหนาว ๆ ร้อน ๆ ขึ้นมา คิดว่าไม่น่ายื่นข้อเสมอให้ภรรยาเลย มันพลาดไปแล้ว
“ถ้าถึงล่ะ ไหนบอกของขวัญวันครบรอบคบกันไง”
“ก็ได้ครับ ยอม…” ชายหนุ่มหน้าม่อยลงทันทีที่คิดว่าต้องเสียเงินหมื่นไปแต่ก็ยอมตามใจภรรยาเหมือนเดิม
“เนชยิ้มซิข้าวปุ้นจะถ่ายรูป” ข้าวปุ้นกดถ่ายรูปคู่ที่พวกตนมากินชาบูวันนี้ก่อนจะส่งเข้าไปในไลน์ให้กับอาเนชด้วย “เนชอัปลงเฟซบุ๊กหน่อยปุ้นก็จะลง แท็กหากันด้วยก็ได้” ข้าวปุ้นบอกพร้อมจ้องมองใบหน้าคมเข้มของสามีอย่างไม่วางตาและอยากรู้ว่าเขาจะกล้าทำไหม
“ได้...พอใจยัง” อาเนชโพสต์สเตตัสพร้อมรูปคู่ลงในโซเชียลของตนเอง เขาไม่สนใจว่าผู้หญิงคนไหนจะเห็นอยู่แล้วเพราะไม่เคยปิดบังผู้หญิงที่เข้าหาสักคนว่า มีภรรยาแต่งงานแล้วจดทะเบียนแล้วด้วย เพราะถึงเขาจะเจ้าชู้แต่ก็ไม่ได้บังคับใครและจะไม่ทำให้ข้าวปุ้นกับตัวเองเดือดร้อนด้วย
“อือ...เอาเนื้อลงดิ ผักด้วย มัวแต่เล่นโทรศัพท์” ข้าวปุ้นสั่งและอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็น ทั้งสองนั่งคุยกันไปทานชาบูกันไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจจะไปใครจะมาเวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่ไม่สนใจ ขอใช้เวลาความสุขแห่งการกินราวกับว่าในร้านชาบูมีเพียงพวกตนสองคน
…
เคสเลื่อนโซเชียลไปเรื่อยต้องเกิดความไม่พอใจขึ้นเมื่อเห็นว่าโพร์ไฟล์เฟซบุ๊กของใครบางคนขึ้นรูปคู่ พร้อมสเตตัสที่อ่านแล้วเจ็บใจเข้าไปอีก
‘วันนี้ครบรอบการคบกันของเราสองคน 14 ปีแล้วเนอะที่รักที่อยู่ด้วยกันมา เกือบครึ่งชีวิตของเราสองคนเลย อยู่ด้วยกันอย่างนี้นาน ๆ นะครับ วันนี้เลยตามใจนางหนึ่งวัน อิอิ ผู้ชายหุ่นหมีควายกับไม้เสียบผีหนึ่งแท่ง
เคสเบ้หน้าให้กับรูปที่เห็น ผู้หญิงในรูปเป็นพนักงานแผนกฝ่ายบุคคลอยู่ที่ทำงานของเธอเอง แต่ทว่าไม่เคยได้พบปะพูดคุยหรือแม้แต่เจอหน้ากันก็แทบจะไม่ได้เจอ แต่เธอก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าพานเกลียดเลยก็ว่าได้ถ้าจะพูดกันตามตรง
“มีความสุขจังเลยนะ ครบรอบอย่างนั้นอย่างนี้ แอะ” เคสบ่นกับตัวเองก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์โทรฯ หาเพื่อนสนิทเพื่อชวนไปกินชาบู
‘อะไรนะแกอยากกินชาบูเหรอเคส’ ปลายสายถามเพราะนี่ก็จะสองทุ่มเข้าทุกทีแล้ว
‘เออ หิว’ เคสตอบอารมณ์ออกไปทางหงุดหงิดนิดหน่อยแต่ต้องระงับเอาไว้เพราะไม่ควรไปอารมณ์เสียใส่เพื่อนสนิท
‘ตอนเลิกงานก็ไม่ชวนแต่ทีแรกเนอะ ฉันมาถึงบ้านแล้วขี้เกียจแต่งตัว’
‘เออน่า...นะนิลแกออกมาเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันหิวนี่นา เจอกันที่ห้างฯ นะ’
วางสายแล้วเคสก็รีบแต่งตัวเพื่อจะออกไปกินชาบูร้านนั้น ร้านที่คนในเฟซบุ๊กโพสต์เมื่อสักครู่นั่น หญิงสาวอยากรู้เหมือนกันว่าคนในรูปจะทำหน้าอย่างไรหากเจอกัน
เคสกับเพื่อนเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าเดียวกันกับที่อาเนชและข้าวปุ้นมาทานชาบู ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังร้านชาบูที่สองคนนั้นอยู่ในนั้นด้วย
เคสภาวนาว่าขอให้เจอทั้งสองคนอย่าให้พวกเขาออกไปแล้วเลย และเหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้างเธอเมื่อกวาดสายตาไปรอบ ๆ ร้านแล้วเห็นข้าวปุ้นนั่งอยู่จึงดึงแขนเพื่อนสนิทให้ไปนั่งโต๊ะใกล้ ๆ รัศมีสายตาของอาเนชมากที่สุด
เคสกับนิลเดินมาหยุดที่โต๊ะว่างถัดจากโต๊ะของอาเนชสองโต๊ะ ทั้งสองกำลังคุยกับพนักงานของร้านอยู่ ข้าวปุ้นหันมาเจอพอดีก็เผยยิ้มมุมปาก เพราะจำสองคนนั้นได้ว่าเป็นพนักงานบริษัทที่เธอทำงานอยู่เคยเห็นบ่อย ๆ ทว่าจำไม่ได้ว่าทำแผนกอะไร
“อาเนช” ข้าวปุ้นเรียกสามี อาเนชเงยหน้ามองเป็นเชิงถาม “ดูผู้หญิงสองคนโต๊ะข้าง ๆ เราน่ะพี่ที่ทำปุ้นเอง แต่จำไม่ได้ว่าอยู่แผนกไหน บังเอิญชะมัด” หญิงสาวพูดพร้อมกระตุกยิ้ม
ชายหนุ่มหันไปมองตามที่ภรรยาบอกแทบสำลักชาบูออกจากปากที่ปะทะเข้ากับสายตาแหลมคมของเคส หญิงสาวยิ้มมุมปากที่เห็นว่าอาเนชมองมา
“ข้าวปุ้นอิ่มยัง เนชอิ่มละ จุก...ยัดไม่ไหวแล้วเนี่ยนี่ก็สองทุ่มครึ่งละ เราไปดูนาฬิกาของปุ้นกันดีกว่าเดี๋ยวดึกไปกว่านี้นะ” อาเนชคะยั้นคะยอ
“อ้าวอิ่มแล้วเหรอ ปุ้นยังไม่อิ่มเลย แต่ก็ได้…” เพราะเห็นแก่นาฬิกาที่อาเนชจะซื้อให้เธอถึงยอมลุกทั้งที่ทานชาบูยังไม่อิ่มเลย
“งั้นปะ...หมื่นก็หมื่นวะงานนี้” อาเนชพูดกลบเกลื่อนความโกรธและใจสั่นของตัวเอง จากนั้นก็คว้าข้อมือเรียวของภรรยาเดินผ่านหน้าโต๊ะลูกค้าที่เพิ่งมาใหม่ไปูกค้าผู้หญิงสองคนที่มาใหม่โดยไม่หันมองแม้แต่นิดเดียว และนั่นก็ทำให้คนที่ชายหนุ่มเดินผ่านไปอย่าหน้าตาเฉยโกรธจัด
เมื่อสองคนเดินออกจากร้านไปแล้วนิลจึงพูดขึ้น “เคสนั่นมันน้องฝ่ายบุคคลนี่ ผัวหล่อแฮะ” นิลแซวด้วยไม่คิดอะไรเพราะจำข้าวปุ้นได้แต่คนที่ดูหงุดหงิดเห็นจะเป็นเคสเสียมากกว่า “อะไรแก ทำหน้าอย่างกับปวดขี้แหนะ”
“ยิ่งกว่านั้นอีก อืม กิน ๆ เหอะ หิว” เคสไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่ระบายอารมณ์ใส่หม้อชาบูและของกินตรงหน้า
….
ภายในร้านนาฬิกายี่ห้อดังข้าวปุ้นกำลังเดินเลือกเรือนที่ตัวเองถูกใจส่วนอาเนชก็ยืนคอยอยู่นิ่ง ๆ มีเดินเข้ามาช่วยข้าวปุ้นตัดสินใจบ้าง แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ชอบใจอยู่ดี อาเนชจึงไม่ขอออกความคิดเห็นขอยืนคอยเงียบ ๆ ดีกว่า ปล่อยให้ภรรยาเลือกจนกว่าจะพอใจ
‘มาทำไม...บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาเจอถ้าข้าวปุ้นมาด้วย’ อาเนชส่งแช็ตไปหาใครบางคนที่ตอนนี้ตนเองรู้สึกไม่พอใจมาก ๆ เพราะเธอทำนอกเหนือคำสั่ง อาจจะเป็นเพราะว่าตนโพสต์รูปลงในโซเชียลถึงทำให้เธอตามมาที่นี่ได้
‘ทำไม...กลัวเมียรู้เหรอว่ามีชู้ แถมชู้ยังทำงานอยู่ที่เดียวกันด้วย’ ปลายสายตอบแช็ตอาเนชอย่างถือดี
‘ถ้าพูดไม่ฟังกันอย่างนี้งั้นก็เลิกคุย จบ’ อาเนชตัดบทเฉียบขาดและพร้อมจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ที่ใครก็ตามทำนอกเหนือคำสั่งของเขา ถึงอย่างไรสำหรับชีวิตของชายหนุ่มข้าวปุ้นสำคัญและมาก่อนเสมอ เนื่องจากเคยเจอความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่มาแล้ว ทำให้เกือบเสียคนที่รักไป แต่จะให้ทิ้งลายเสือคงไม่ยอม
ปลายสายอ่านแล้วเงียบไปก่อนจะพิมพ์ตอบกลับมา ‘พี่ขอโทษ...ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว น้องเนชอย่าเลิกกับพี่นะ’
อาเนชกระตุกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ‘อืม’ ตอบไปเพียงเท่านี้ชายหนุ่มก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปช่วยข้าวปุ้นเลือกนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง
จบบทนำ
ผลงานอื่นๆ ของ ชลัน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ชลัน
ความคิดเห็น